14 ต.ค. 2559 13:12
สธ. ประสาน กทม.ตั้ง รพ.สนาม-ทีมวิกฤติสุขภาพจิต ทุก 500 เมตร ตลอดเส้นทางเคลื่อนพระบรมศพ ‘ในหลวง’ พร้อมตั้งศูนย์วิกฤติสุขภาพจิตฉุกเฉิน ดูแลจิตใจปชช.
เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 59 นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อสั่งการเตรียมความพร้อมดูแลสุขภาพประชาชน ว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานได้ดูแลความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองในช่วง 3 วันนี้ 100% ในส่วนของ สธ. ได้สั่งการให้ทุกโรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศเตรียมความพร้อมในการดูแลประชาชนทั้งด้านร่างกายและจิตใจ 100% ตลอดช่วง 72 ชั่วโมงแรก เนื่องจากประชาชนกำลังอยู่ในช่วงโศกเศร้า พร้อมกันนี้ยังได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข และศูนย์วิกฤติสุขภาพจิตฉุกเฉิน โดยใช้แผน “เปลี่ยนความโทมนัสให้เป็นพลัง” ขึ้นมาคอยติดตามสถานการณ์ทางด้านสุขภาพของประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองปลัด สธ. เป็นหัวหน้าศูนย์ฯ
นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับการดูแลประชาชนที่ไปร่วมถวายน้ำสรงพระบรมศพ และไปรอเฝ้าขบวนเคลื่อนพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตลอดเส้นทางจากโรงพยาบาลศิริราช จนถึงพระบรมมหาราชวัง ได้ประสานกับกรุงเทพมหานคร วางจุดโรงพยาบาลสนามพร้อมทีมวิกฤติสุขภาพจิต ประจำจุดทุก 500 เมตร เพื่อให้สามารถดูแลประชาชนได้อย่างเต็มที่
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ในช่วงที่ประชาชนกำลังโศกเศร้านั้น ขอให้อยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม และเปลี่ยนความโศกเศร้าให้เป็นพลัง อาทิ ร่วมกันสวดมนต์ภาวนา ทำสิ่งที่ดีๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เช่น เป็นจิตอาสาช่วยเหลือทางโรงพยาบาล หรือจะบริจาคเลือด บริจาคอวัยวะ ซึ่งการทำความดีก็จะช่วยบำบัดความโศกเศร้าได้
นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับการดูแลประชาชนที่ไปร่วมถวายน้ำสรงพระบรมศพ และไปรอเฝ้าขบวนเคลื่อนพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตลอดเส้นทางจากโรงพยาบาลศิริราช จนถึงพระบรมมหาราชวัง ได้ประสานกับกรุงเทพมหานคร วางจุดโรงพยาบาลสนามพร้อมทีมวิกฤติสุขภาพจิต ประจำจุดทุก 500 เมตร เพื่อให้สามารถดูแลประชาชนได้อย่างเต็มที่
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ในช่วงที่ประชาชนกำลังโศกเศร้านั้น ขอให้อยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม และเปลี่ยนความโศกเศร้าให้เป็นพลัง อาทิ ร่วมกันสวดมนต์ภาวนา ทำสิ่งที่ดีๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เช่น เป็นจิตอาสาช่วยเหลือทางโรงพยาบาล หรือจะบริจาคเลือด บริจาคอวัยวะ ซึ่งการทำความดีก็จะช่วยบำบัดความโศกเศร้าได้