เมื่อ iPhone เปิดตัวก็มักจะมีข่าวของ iPhone รุ่นถัดไปออกมาเกือบจะทันที และต่อเนื่องไปตลอดทั้งปี สะท้อนให้เห็นว่า iPhone ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนอันดับหนึ่งในใจใครหลายๆ คน และเป็นหนึ่งในเสาหลักของวงการที่ได้รับความสนใจอยู่เสมอ สำหรับ iPhone 13 ที่กำลังจะเปิดตัวในปีนี้ ก็มีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยสิ่งหนึ่งที่สาวก iPhone อยากรู้กันมากที่สุดก็คือ iPhone 13 จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร จะแตกต่างจากเดิมเยอะหรือไม่ ในวันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลมาให้ทุกท่านแล้วครับ
ข้อมูลดีไซน์ของ iPhone 13 ถูกเปิดเผยมาจากหลายๆ แหล่ง ล่าสุด Mac Otakara แหล่งข่าวจากประเทศญี่ปุ่น รายงานว่า iPhone 13 จะมีขนาดตัวเครื่องเท่ากับ iPhone 12 แต่จะหนากว่า 0.26 มิลลิเมตร และหนักกว่าเล็กน้อยเนื่องจากมีแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น
ขณะเดียวกัน Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ที่อยู่ในแวดวงของ Apple มาอย่างยาวนาน เชื่อว่า iPhone 13 จะมีรอยบากบนหน้าจอที่เล็กลง
นอกจากนี้ กล้องหน้า TrueDepth จะถูกจัดวางใหม่ให้ชิดขอบด้านบนมากขึ้น จึงน่าจะทำให้รอยบากบน iPhone 13 ผอมลง แทนที่จะแคบลง อีกด้านหนึ่ง นักวิเคราะห์จาก Barclays ยังได้ให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกัน โดยระบุว่าว่าชุดกล้องหน้าของ iPhone 13 จะมีการจัดวางองค์ประกอบให้ชิดกันมากขึ้น บางแหล่งข่าวบอกว่าจะรวมโมดูลต่างๆ เข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับตัวกล้องเลย
ที่น่าสนใจคือ มีภาพหลุดของชิ้นส่วนจอที่เชื่อว่าน่าจะเป็นของ iPhone 13 ออกมาด้วย ทำให้เราได้เห็นลักษณะของรอยบากบนหน้าจอชัดเจนขึ้น
ภาพหน้าจอ iPhone 13 จาก MacRumors
นอกจากเรื่องรอยบากบนหน้าจอแล้ว ยังมีข่าวลือว่า Apple ตั้งใจจะทำให้ iPhone 13 เป็นสมาร์ทโฟนไร้พอร์ต โดยตัดพอร์ต Lightning ออก แล้วให้ชาร์จแบบไร้สายเท่านั้น แต่ข่าวลือนี้ก็ได้ตกไป เมื่อ Ming-Chi Kuo ยืนยันว่า iPhone 13 จะยังคงมีพอร์ต Lightning เหมือนเดิม และจะไม่เปลี่ยนไปใช้พอร์ต USB Type-C ด้วย ส่วน iPhone แบบไร้พอร์ตจะมาก็ต่อเมื่อ Apple มั่นใจว่าระบบ MagSafe มีประสิทธิภาพมากพอแล้วเท่านั้น
ภาพคอนเซ็ปต์เรนเดอร์ของ iPhone 13 โดย LetsGoDigital ที่ตรงกับข้อมูลที่มีอยู่มากที่สุดในขณะนี้
สรุปแล้ว iPhone 13 จะมีหน้าตาที่ไม่ต่างจาก iPhone 12 เท่าไรนัก หลักๆ แล้วจะมีรอยบากด้านบนที่เล็กลง, ตัวเครื่องหนาขึ้นเล็กน้อย, ขอบเครื่องเป็นขอบแบน, และชุดกล้องหลัง 3 ตัวดีไซน์คล้ายเดิม โดยมีการเพิ่มสีใหม่เป็นสีดำด้าน Matte Black และอาจนำสีชมพู Rose Gold กลับมา แต่ที่น่าสนใจคือ จะเป็นหน้าจออัตรารีเฟรช 120Hz และรองรับการสแกนลายนิ้วมือ (Touch ID) บนหน้าจอด้วย ส่วนการพลิกโฉมดีไซน์ใหม่ อาจจะต้องรอปีหน้าครับ
ที่มา : Macrumors, EverythingApplePro, Bloomberg, MacOtakara